A Little Journey / นิยาย / พัณณิดา ภูมิวัฒน์ / พิมพ์ดีด / ลวิตร์ / แฟนตาซี

A Little Journey : Telltale Island (2)

paradise_island_kid_safe_beach_fantasy_1024x600_hd-wallpaper-1216451

-2-

มอร์

ข้าตกเรือ

ไม่ต้องตกใจ ข้ายังไม่ตาย วาลก็ยังไม่ตายเช่นกัน (เธอตกเรือมากับข้าด้วย) ดูเหมือนเราจะถูกซัดขึ้นที่เกาะร้างเกาะหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ไหน ที่รู้ว่าเป็นเกาะเพราะจุดที่ผ่านไม่มีแผ่นดิน บางทีมันอาจจะเป็นเกาะร้างที่เล็กมากเกินบรรจุไว้ในแผนที่ ไม่ก็ยังไม่มีใครค้นพบกระมัง (เช่นนั้นพวกข้าก็น่าจะมีสิทธิ์ตั้งชื่อมัน วาลเหมือนจะอยากตั้ง แต่ข้าไม่แน่ใจ ควรกลับไปดูระเบียบน่านน้ำระหว่างประเทศให้ดี)

ที่เขียนจดหมายมานี้ ตั้งใจจะวานเจ้าสองเรื่อง เรื่องแรก ขอให้ช่วยตรวจดูเรือของข้าว่าไม่มีใครเป็นอะไร ข้าไม่คิดว่าทั้งคนทั้งเรือจะเป็นอะไรหรอก เพราะมีแต่ข้าสองคนที่ถูกซัดมาเกยหาด ไม่มีซากเรือหรือศพคน ซึ่งเป็นเรื่องน่าดีใจ แต่ถึงอย่างไรก็ช่วยตรวจด้วยแล้วกัน

เรื่องที่สองคือ เมื่อพบเรือแล้ว ขอให้เขาถ่วงเวลาอีกสามวันค่อยมารับข้ากับวาล ข้าแน่ใจว่าเขามีน้ำกับเสบียงพอถ่วงได้เหลือเฟือ

สาเหตุที่อยากให้ถ่วง เพราะวาลชอบติดเกาะ ข้าต้องการให้เธอได้ทำสิ่งที่ชอบ ต้องการให้เธอมีความสนุกสบายใจ

ขอบใจมาล่วงหน้า

รีกัล

 

พี่รีกัล

…ข้าอ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจขอรับ

แต่เอาเถอะ ถ้าท่านคิดว่าอย่างนั้นดี ข้าจะจัดการให้ และจะส่งพลังไปคุ้มครองพวกท่านเผื่อไว้ด้วยแล้วกัน

อย่างไรก็ตาม อย่าทำอะไรแปลกๆ กับพี่วาลนะขอรับ

มอร์

 

เจ้าชายรีกัลไม่ตอบจดหมายดื้อๆ เสียอย่างนั้นเอง

###

เธอยืนอยู่ที่หาดทราย มองทิวมะพร้าวริมหาด และผืนป่าที่ดูเหมือนจะทอดยาวลึกเข้าไป ที่กลางป่ามียอดเขาโผล่ให้เห็นลูกหนึ่ง อยู่ไกลจนไม่แน่ใจว่าจะเดินถึงไหม รีกัลบอกว่านานแสนนานมาแล้ว เกาะจำนวนมากก็คือที่สูงหรือภูเขา พอกาลเวลาผ่านพ้น ทะเลท่วมผืนดิน จึงเหลือแต่ยอดเขาที่รอดน้ำมาได้ เกาะไม่น้อยจึงมีภูเขาหรือภูเขาไฟอยู่กลางเกาะเช่นนี้เอง

มันทำให้เธอนึกถึงหนังสือเล่มนั้นของอาหญิงอย่างช่วยไม่ได้…เกาะลึกลับอัศจรรย์ เผ่ากินคน กลางเกาะที่มีภูเขาไฟ อารมณ์เร้นลับ ป่าเถื่อน การต่อสู้ชิงไหวชิงพริบ สมบัติและการหนีเอาชีวิตรอดจากความตาย

แต่ระหว่างที่ยืนคิดอยู่นั้นเอง รีกัลก็เดินมา อ้อมแขนหอบไม้หอบหนึ่งไว้ เขามาช่วยเธอจุดไฟทำสัญญาณควันที่หาดทราย

“ติดต่อมอร์ได้แล้ว” เขาว่า “แต่มอร์บอกว่าเปิดช่องมิติตรงๆ ไม่ได้ เขาติดต่อเรือได้เช่นกัน อีกประมาณสามวันเรือจึงจะสามารถย้อนกลับมารับเรา”

“สามวันหรือ…

เธอไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวดีหรือร้าย เพราะตอนแรกที่ฟื้นขึ้นบนเกาะนี้ เธอตกใจมาก ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เธอตกใจด้วยว่ารีกัลจะเป็นอะไร ดีที่ตอนตกเรือด้วยกัน เธอคว้าเขายึดไว้แน่น มือยังจับกันไว้ อย่างน้อยจึงไม่ได้ถูกซัดแยกจากกัน

เขาก็ไม่เป็นไร นอกจากเปียกโชกไปทั้งกาย นอกจากนั้นยังหิวโซมาก เพราะเมาเรือจนไม่ได้กินอาหารทั้งเช้าและเที่ยง และเวลาที่พวกเธอรู้ตัวบนเกาะนั้นเป็นเวลาบ่าย แน่นอนว่ารีกัลไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าหิว เขามีความสามารถในการทำให้ใจอยู่เหนือกาย ไม่อย่างนั้นมารุสไพราจับเขาทรมานอดอาหารเป็นหลายวัน เขาจะทนอยู่ได้อย่างไร

แต่สุดท้ายหิวก็คือหิว ท้องของเจ้าชายก็อุทธรณ์ดังโครกออกมา

พอมีเสียงประหลาดแบบนั้น เขาก็มองท้องของตนงงๆ ซึ่งทำให้เธอที่เครียดอยู่ดีๆ อดหลุดขำไม่ได้ รีกัลซึ่งรูปหล่อเสมอแม้ยามเปียกโชกถึงขนาดนี้ ทั้งยังสงบนิ่งขนาดบอกเธอว่าเหตุใดการตกเรือมาติดเกาะจึง “ไม่ถึงกับเป็นอะไร” เขาคิดไปเรียบร้อยแล้วว่ามีทางแก้ปัญหาแบบใดได้บ้าง ถ้าแผนที่หนึ่งไม่ได้ แผนที่สอง สาม สี่…สิบ ยี่สิบ จะต้องทำอย่างไร กระนั้นไม่ว่ามาดดีหรือความเยือกเย็น ก็ไม่อาจปกปิดเสียงประท้วงจากร่างกายได้อยู่ดี

เธอจึงบอกว่าก่อนจะขอความช่วยเหลือจากมอร์ หรือก่อสัญญาณควันอะไร ให้เธอไปหาของให้เขากิน

เขางงนิดๆ แต่เธอพูดความจริง เธอหาอาหารในแหล่งธรรมชาติได้ เธอชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ทั้งคิดมาตลอดว่าได้ออกจากบ้านจะต้องผจญภัย เธอพบลูกมะพร้าวเป็นอย่างแรก ทั้งเธอทั้งเขาต่างพกมีด จึงพอเฉาะมันได้ จากนั้นเธอก็ให้เขากินมะพร้าว ตัวเองเอาเนื้อมะพร้าวบางส่วนทำเหยื่อตกปลา เธอมาออกทะเลจึงมีสายเอ็นกับตะขอตกปลาติดตัว

“อ้อ” เขาเริ่มก่อไฟแล้วตอนที่เธอหิ้วปลาสามตัวกลับมา “เจ้าตกปลาได้ไว”

“ตรงนั้นมีแหล่งปลาค่อนข้างชุม” เธอชี้ไป “ท่านทำปลาเป็นไหม”

เขาว่าไม่เคยทำ ให้เธอสอนได้ไหม เธอจึงสอนเขาขอดเกล็ดเหลาไม้เสียบ วางปักไว้ใกล้ไฟ เธอค่อนข้างชอบบรรยากาศแบบนี้ และดีใจที่เขากินได้ เขาคงหิว เธอเลยให้ปลาไปสองตัว บอกว่ากินให้หมดนะ เธอตัวเล็กกว่า แถมยังกินข้าวเช้าแล้ว กินตัวเดียวก็พอ

“ที่จริงควรแบ่งให้เท่ากัน” รีกัลขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่พอเธอปฏิเสธอีกสองครั้ง เขาก็ยอมกิน

เธอดูเขากิน รู้สึกพอใจ ตั้งแต่ป่วยมาเขากินอาหารน้อยลงมาก คงเพราะร่างกายยังไม่ฟื้นฟู ยังรับไม่ไหว แต่ปลาสดอร่อย เขาคงหิวด้วย ก็แทะไปเรื่อยๆ โดยไม่ว่าอะไร มือเขาเปื้อนน้ำมันปลา เธอจึงค้นหาผ้าเช็ดหน้าที่มักพกติดตัว แต่ผ้าเปียกโชกแถมมีกลิ่นเกลือติดไปแล้ว เขาเองก็พกผ้าเช็ดหน้า พอกางออกมาปรากฏว่าเปียกชื้น มีกลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ เหมือนกัน

“ลำบากกว่าบ้านข้า” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี “ที่บ้านเวลาข้าไปค้างแรมริมทะเลสาบใหญ่ แค่ตักน้ำจากทะเลสาบมาต้มก็ดื่มได้ ยังต้มปลาหรือทำอาหารอื่นได้ด้วย สงสัยอีกเดี๋ยวเราต้องหาแหล่งน้ำจืดกัน”

พอพูดถึงตอนนี้ เธอจึงเพิ่งรู้ตัว…เขากำลังมองเธออย่างสนใจ

“มีอะไรหรือ”

“เจ้าอารมณ์ดี”

เธอยิ้ม ชันเข่าขึ้น และกอดอกวางไว้บนหัวเข่า

“ข้าชอบอย่างนี้ คิดมาตลอดว่าถ้าออกเที่ยวทะเล น่าจะเจอเกาะแบบนี้สักเกาะ จะติดเสียให้สมใจ” เธอบอกด้วยอารมณ์ซนนิดๆ “หรือไปเที่ยวหาดที่ไหนสักแห่งก็ได้ คงสนุกดี”

“อย่างนั้นหรือ” เขาดูแปลกใจ “เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า”

“ท่านไม่ได้ถามนี่ อีกอย่าง เราไม่ได้มาเที่ยวทะเล เราจะกลับบ้านข้ากันต่างหาก” เธอเห็นว่าคำของตนมีเหตุผลใช้ได้ จึงพอใจ และมองออกไปทางทะเล

เธอชอบอย่างนี้จริงๆ นั่นละ ถ้าไม่คิดว่าตกเรือมา วูบหนึ่งเธอยังถึงกับสบายใจ เป็นบรรยากาศแปลกใหม่ที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว เคยอ่านแต่ในหนังสือเท่านั้นเอง

ทว่าเพราะมองไปทางทะเลกับท้องฟ้า ไม่ช้าเธอจึงรู้สึกตัวว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ แม้ทะเลจะยังงดงาม ก็เหลือเวลามีแสงสว่างอีกไม่มาก น่าจะเริ่มคิดถึงสิ่งต่อไปที่ต้องทำเสียที พอคิดอย่างนั้น เธอจึงลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัว

“ท่านลองหาแหล่งน้ำจืดดูได้ไหม ข้าจะทำสัญญาณควันที่ชายหาด อยู่ที่ชายหาดน่าจะปลอดภัย”

เขารับว่าได้ และหลังจากหายไปราวหนึ่งชั่วโมง เขาก็กลับมาพร้อมไม้หนึ่งหอบ ตลอดจนคำบอกเล่าว่าติดต่อมอร์แล้ว แต่มอร์มาช่วยทันทีไม่ได้ เขายังพบแหล่งน้ำจืดในถ้ำแห่งหนึ่งด้วย รีกัลก็ทำงานมีประสิทธิภาพแบบนี้เอง

“สามวัน…” เธอในปัจจุบันทวนคำอีกครั้ง ยังอดงงไม่ได้

“ถ้ำที่มีน้ำจืดนั้นสามารถใช้พักนอน” เขาว่า “กองไฟนี้น่าจะอยู่ได้ถึงเช้า ไม่ต้องเฝ้าหรอก ไม่อย่างนั้นเราก็ไปจุดอีกกองหน้าปากถ้ำใหม่ จะมืดแล้ว อยู่ในที่ปิดดีกว่า”

เธอรับคำเขาในที่สุด ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไร เขาจึงเดินนำเธอ ถ้ำอยู่ตรงเชิงผาไม่ไกลจากหาด ด้านในมีธารน้ำไหล คงเป็นธารที่ต่อมาจากแหล่งน้ำบนตัวเกาะนั่นเอง

“บนภูเขาคงมีต้นน้ำ” เขาบอก “เจ้าล้างตัวซักเสื้อเสียเถอะ ข้าจะออกไปก่อไฟ”

เธอทำตามที่เขาบอก พอเสร็จแล้วก็ออกมาผลัดให้เขาเข้าไปจัดการตัวเองบ้าง จากนั้นเธอจึงหาของกินเอาแถวๆ ถ้ำ ตกปลาได้อีกหลายตัว ก็เผารมควันไว้ มีลูกมะพร้าวนิดหน่อย และถ้าเข้าป่าอาจจะมีผลไม้ แต่ใกล้พลบเต็มทีแล้ว เขาจึงไม่ให้เข้าป่า บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร กินปลา และถักเถาวัลย์ทำถุง เตรียมไว้ใส่ปลาที่รมควันเสร็จด้วยเหมือนกัน

ยามค่ำเธอออกมานั่งตรงลานหินหน้าปากถ้ำ ริมกองไฟ มองลงไปยังเวิ้งอ่าวเบื้องล่าง มองดวงดาวเบื้องบน ไม่นานรีกัลก็ตามออกมานั่งไม่ห่างกัน

เธอรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย รู้สึกถึงธรรมชาติอันกว้างใหญ่ เสียงซ่าซ่าชวนให้เคลิบเคลิ้มของทะเล ความรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางสถานที่อันไม่รู้จัก และในเวลาสามวันคงได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจ นอกจากนั้นก็มีความกังวลหน่อยๆ กับความรู้สึกว่ารีกัลอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

เมื่อก่อนตอนเริ่มเป็นเพื่อนกัน เธอไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ และไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มรู้สึกเมื่อไร เวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วเขามาอยู่ใกล้ เธอจะเริ่มรู้สึกว่าเขาอยู่ เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดจริงๆ

“วาล” เขาเรียก

“หือ”

“ทำไมเจ้าจึงอยากเที่ยวเกาะอย่างนี้หรือ”

เธอยิ้ม กอดเข่าไว้

“เช่นนั้นข้าต้องเล่านิทานให้ท่านฟัง” เธอบอก “เรื่องที่อาหญิงข้าเขียน มันเริ่มอย่างนี้เอง…”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวไปท่องทะเล เธออยู่บ้านมาตลอด ไม่เคยเห็นโลกภายนอก ไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร แต่เธอคิดว่าอยู่เพียงที่บ้านไม่พอ โลกของเธอแคบเล็ก เธอไม่อยากให้มันแคบ เธออยากให้มันกว้างใหญ่ ดังนั้นเธอจึงจากบ้าน จากบิดามารดา ไปลงเรือ

เรือแล่นไปตามหมู่เกาะต่างๆ และหญิงสาวก็ได้เดินทางผจญภัย บางทีเธอเป็นผู้หญิงตามปรกติ บางทีเธอก็ตบแต่งปลอมตัวเป็นชาย มีเกาะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด เกาะที่เป็นทองคำทั้งเกาะ แต่หากขึ้นฝั่งจะหลงทางจนอดตาย มีเกาะที่เป็นแท่งสูงเสียดฟ้า และทางเดียวที่จะขึ้นคือต้องปีน เหมือนอย่างปีนหน้าผานี่เอง

“และมาถึงเกาะสุดท้าย” วาลเล่า “เกาะนั้นมีภูเขากลางเกาะ…คล้ายๆ ที่นี่ เป็นภูเขาไฟ บนเกาะมีเผ่าโจรสลัดที่กินคน ดุร้ายมาก อาศัยอยู่ในถ้ำที่เป็นเวิ้งอ่าว พวกเขาจะออกล่าเรือที่หลงมาเพื่อจับคนไปบูชายัญ แต่ทั้งที่ป่าเถื่อน กลับมีสมบัติลับมหาศาลของเผ่าซ่อนอยู่ในปล่องภูเขาไฟ”

เธอยังไม่ทันเล่าต่อ บอกว่าหญิงสาวพบชายหนุ่มที่ติดเกาะอยู่ได้อย่างไร ไม่ทันเล่าว่าเขาเป็นเจ้าชาย เรือเขาถูกพายุซัดมาเกยตื้นที่นี่ คนของเขาล้วนถูกจับกิน มีแต่เจ้าชายที่สิ้นสติอยู่ใต้ซากเรือจึงรอด เธอยังไม่ทันเล่าว่าเจ้าชายปีนออกจากซากเรือ พระองค์ไม่ต้องการคบหากับโจรสลัดกินคน แต่นั้นจึงต้องมีชีวิตตามลำพัง

เธอยังไม่ทันได้เล่าเรื่องถึงตอนนั้นเลย

“นั่นไม่ใช่ภูเขาไฟ” รีกัลพูดขึ้นก่อน

“หือ” เธองง

“เขาที่กลางเกาะนี้ไม่ใช่ภูเขาไฟ หรือถ้าใช่ ก็น่าจะดับนานแล้ว” เขาอธิบาย “อีกอย่าง ชนเผ่ากินคนจะสะสมสมบัติไปทำไม”

“ก็เพราะนับถือเทพเจ้าไง เลยมีสมบัติไว้บูชาเทพเจ้า” เธอพูดตามเรื่องของอาหญิง “สะสมซ่อนไว้ตรงที่มีธารลาวาด้วยนะ มีเขาวงกตซับซ้อนมากๆ มีสัตว์ประหลาดในเขาวงกตด้วย แต่ตำนานเผ่าบอกว่าถ้าใครกล้าฝ่าเขาวงกตก็จะไปถึงสมบัติได้”

เธอชอบเรื่องนี้ของอาหญิงมาก เลยไม่เห็นเสียหายตรงไหน ตอนอ่านเธอออกจะเห็นภาพชัด เห็นหมดว่าเจ้าชาย หญิงสาว แล้วก็เผ่ากินคนหน้าตาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะตอนที่สองคนฝ่าเขาวงกต สู้กับสัตว์ประหลาด เธอยิ่งชอบมากๆ เธอคิดว่าเจ้าชายเท่มาก หญิงสาวก็เท่มากเหมือนกัน…โดยเฉพาะฉากริมธารลาวานั่นสุดยอดไปเลย

แต่น่าเสียดาย รีกัลไม่เห็นจริงด้วยกับเธอ

“ไม่ถูกตามหลักเหตุผล” เขาว่า

“เอ๋” เธองง

“ไม่นับเรื่องภูเขาไฟไปเรื่องหนึ่งก็ได้ เพราะเกาะในเรื่องนั้นไม่ใช่เกาะนี้” เขาบอก “แต่ถึงอย่างนั้น นิยายของอาเจ้าก็ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ใช้ไม่ได้ ข้อแรก เผ่าบนเกาะอย่างนี้จะไม่สะสมสมบัติ สมบัติเป็นสิ่งแปรผันตามการให้ค่า เจ้าเข้าใจไหม ทองหรือเพชรนิลจินดาเป็นสิ่งหายากบนแผ่นดินใหญ่ แต่บนเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีเพชรนิลจินดา ของล้ำค่าจะถูกกำหนดด้วยความงดงามหรืออรรถประโยชน์ และตามที่เจ้าเล่า เผ่าก็ไม่น่าจะติดต่อกับคนนอกมากนัก ระบบการให้ค่าจะต้องต่างกัน”

เขานึกทบทวนชั่ววินาที ก่อนจะพูดต่อไป

“ข้อสอง ถ้าหากเผ่าติดต่อกับคนนอกน้อย แต่ยังเป็นเผ่ากินคน ก็แสดงว่าเขากินกันเอง…ซึ่งเป็นระบบที่เลวมาก ทำให้สังคมล่มได้ง่ายๆ นี่ยังไม่นับว่าในป่าในทะเลยังมีของอื่นๆ ให้กินอีกไม่น้อย จะกินกันเองทำไม ข้อสาม เท่าที่เจ้าเล่า เผ่านี้ยึดน่านน้ำจับคนมากินมาบูชายัญ แต่เกาะอยู่ตรงกลางเส้นทางการค้าหลัก…นี่ก็เป็นไปไม่ได้ ตามความเป็นจริง ทางการจากประเทศทั้งสองฝั่งจะต้องไม่ยอม ต้องส่งคนมาปราบปราม เป็นเผ่าอยู่บนเกาะไม่มีวิทยาการ ยกพลมามากหน่อยก็ปราบได้แล้ว ปล่อยไว้ได้อย่างไร…”

จากนั้น ก็มีข้อสี่ ห้า หก และเจ็ด ตามมา ว่าอีกอย่างคือรีกัลวิจารณ์เรื่องของอาหญิงที่เธอรักที่สุดจนพรุนทั้งหน้าตาย ไม่ใช่แค่เกาะสุดท้ายนี่ด้วย เขายังสืบสาวเรื่องกลับไป ตั้งแต่เริ่มเรื่องออกทะเล หญิงสาวก็ทำผิดหลักตรรกะประมาณหลายสิบข้อแล้ว รีกัลไม่สามารถเข้าใจได้เลย

“เรื่องเกาะเป็นทองคำ หรือเกาะตั้งฉากนั่น ข้าพอรับได้ว่าเป็นนิยาย แม้จะไม่ถูกต้องตามธรรมชาติ…และจิตวิทยาของคน แต่ไม่เป็นไร ถึงอย่างนั้นก็ยังมีปัญหาที่เกิดจากการขาดตรรกะอื่นๆ …อย่างน้อยก็เรื่องปลอมเป็นผู้ชายในบางจุด ข้าไม่ได้หมายถึงปลอมไม่ได้ แต่ตามที่เจ้าเล่า ความจริงไม่ควรทำแบบนั้น พื้นที่ไม่อำนวย และเรื่อง…”

เขาพูดของเขาต่อไปเรื่อยๆ ส่วนเธอก็เริ่มรู้สึก…เมื่อยแบบแปลกๆ มากขึ้นทุกที

ถูกแล้ว ท่ามกลางบรรดาข้อดี เจ้าชายก็มีข้อเสียร้ายแรงกับเขาเหมือนกัน

บางทีการเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้สึก…ก็เป็นปัญหามาก เพราะเขาไม่สามารถเข้าใจเรื่องละเอียดอ่อนบางเรื่อง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบางครั้งตรรกะจึงละไว้ได้ เขาไม่เข้าใจว่าเธออ่านนิยายเอาสนุก เพราะมันตื่นเต้น แปลกประหลาด ทำให้ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ดีใจ เขาไม่เข้าใจว่าเธอชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เล่าให้เขาฟังอย่างละเอียดลออ

เขาไม่เข้าใจด้วยว่าเขากำลังว่าอาหญิงของเธอโง่ ถึงเขียนเรื่องไม่มีตรรกะออกมาได้ ทั้งที่เธอคิดว่าอาหญิงเก่งมาก ถ้าไม่เก่ง เธอจะอ่านสนุกได้อย่างไร

อืม แต่บางทีถึงเธอบอกเขา เขาก็คงไม่เข้าใจ อาจจะคิดว่าเธอชอบฝันเฟื่อง เอาอำเภอใจตัวเป็นใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเธอไม่สามารถยอมรับความจริง เป็นคนอ่อนแอ

ช่างเถอะ

“นี่ ท่านไม่ต้องวิจารณ์แล้ว” เธอบอกในที่สุด “ข้าไม่เล่าแล้วละ”

รีกัลชะงักกึกทันที ที่จริงยังถึงกับดูแปลกใจ

“ทำไมเล่า”

“ก็ท่านว่ามันไม่ถูกนี่ เป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้”

“ข้าไม่ได้พูดอย่างนั้น”

“ไม่ได้พูดแล้ววิจารณ์เสียไม่มีชิ้นดีทำไม” เธอฉุนหน่อยๆ “สมัยเด็กๆ เวลาท่านพ่อท่านแม่เล่านิทานให้ฟัง ท่านก็บอกว่าไม่มีเหตุผลอย่างนี้ไหม มันทำให้คนอื่นรู้สึกแย่นะ ข้ารู้ว่ามันไม่มีเหตุผล แต่มันทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ได้จริงๆ”

“ไม่…”

เขานิ่ง เธอก็นิ่งเหมือนกัน…แถมยังยิ่งรู้สึกแย่อย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจเขา แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาทำร้ายจิตใจของเธอเหมือนกัน

เงียบอยู่พักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นใหม่ พูดเรื่อยๆ คล้ายกับไม่มีต้นมีปลาย

“ถึงแม้ว่าการกินคนตลอดเวลาจะไม่ถูกต้องตามหลักการ แต่ปรับได้” เขาบอก “อืม…หรือจะให้ภูเขากลางเกาะนี้เป็นภูเขาไฟก็ยังได้ ถึงตอนนี้มันจะไม่ใช่ภูเขาไฟแล้ว แต่เมื่อก่อนอาจใช่ แผ่นดินเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ แม้จะต้องใช้เวลานานมากก็ตาม”

เธอไม่เข้าใจ

“ดังนั้น…ถ้าจะปรับสักหน่อยให้ถูกตามหลักการ สมมุติว่าภูเขาเคยเป็นภูเขาไฟ บางทีมันคงเคยระเบิดมาแล้ว ทำให้คนบนเกาะตกใจ คนบนเกาะจึงเล่าเรื่องราวของมัน พยายามบูชายัญมันทุกรอบหลายเดือน…อาจจะเป็นวันคืนเดือนมืด หรือวันที่เปลี่ยนฤดู อะไรทำนองนี้ และในวันที่บูชายัญก็อาจจะมีการกินคน ถ้ากินเฉพาะตอนเทศกาล ระบบสังคมจะไม่ล่มสลาย” รีกัลอุดช่องโหว่ในเรื่องอย่างรวดเร็วและแนบเนียนมาก “อย่างนี้ใช้ได้ไหม”

เธอยังคงทำตาโตมองเขา

“เท่ากับว่าถูกตามที่เจ้าว่า…ถ้าจะให้ภูเขานั่นเป็นภูเขาไฟก็เป็นได้ ในเรื่องของอาหญิงเจ้าอาจไม่ต้องเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าทำตามตรรกะนี้ ปัญหาเรื่องทำไมจึงกินคนก็จะตกไป” เขานิ่งคิดนิดหนึ่ง “แต่ถ้าตามหลักนี้ก็คงไม่มีธารลาวา ไม่มีขุมทรัพย์พวกเพชรหรือทอง…”

เจ้าชายก็ยังคงยึดมั่นในหลักความถูกต้องของเขาอยู่ดี

“ไม่มีก็ไม่เป็นไร” เธอเอ่ยในที่สุด “แต่…ท่านอุดช่องโหว่อย่างนี้ได้ด้วยหรือ”

“ข้าทำได้” เขาบอก “ทุกอย่างถ้าต้องการให้มีเหตุผลย่อมมีได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจกลไกพื้นฐานเท่านั้นเอง”

เธอนิ่งอยู่ชั่วขณะ มองเขา บางทีอาจต้องพูดว่า…มองเขาด้วยสายตาใหม่ เขาคิดได้เร็วขนาดนี้ แสดงว่าตั้งใจฟังเธอมากไม่ใช่หรือ เก็บรายละเอียดได้ดีมาก และปรับให้ลงตัวทันทีได้ แน่ละ เพราะไม่เข้าใจเรื่องอารมณ์ เขาจึงวิจารณ์ออกมาอย่างเที่ยงตรงเกินไป แต่เขามีความสามารถพอจะแก้ปัญหาในเรื่องได้จริงๆ เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมอาหญิงของเธอไม่ทำ

ที่จริงเธอเริ่มเข้าใจแล้ว ทำไมอาหญิงจึงเขียนเรื่องท่องทะเลเพียงเรื่องเดียว ก็เพราะอาหญิงไม่คุ้นกับทะเล ทั้งไม่มีคนรู้จักที่คุ้นกับทะเล นางจึงรู้ว่าตัวเองอาจเขียนให้สมเหตุสมผลไม่ได้ แต่นางมีพรสวรรค์ ดังนั้นเรื่องจึงสนุกมาก เต็มไปด้วยจินตนาการ

อาหญิงก็ถูก รีกัลก็ถูกเหมือนกัน

ระหว่างที่เธอกำลังทำความเข้าใจใหม่ รีกัลก็มองมา

“ไม่มีแล้วอยากได้อะไรแทนไหม” เขาถาม

“หือ”

“แทนธารลาวากับขุมทรัพย์ เจ้าต้องการอะไรแทน”

เธอกะพริบตา ก่อนจะตระหนักว่า…เขากำลังง้อเธอ

บางทีเขาอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงโกรธหรือเสียใจ แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากให้เธอเป็น

“เอ้อ…” เธอไม่ได้นึกอยากเปลี่ยนเรื่องของอาหญิง แต่พอรีกัลมอง เธอจึงบอกสิ่งแรกที่นึกได้ออกไป “เอาสัตว์ประหลาดแทนก็ได้”

เขาเลิกคิ้ว เธอจึงพยักหน้า…เธอชอบสัตว์ประหลาด ไม่มีเหตุผลหรอก

“สัตว์ประหลาดดุมากๆ น่ากลัวมากๆ” เธอบรรยายหน้าตาของมัน ก่อนจะตบท้าย “สูง…สักห้าวา”

รีกัลนิ่งไป ครั้นแล้วเขาก็ก้มหน้าลง ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วขณะ และ…หาทางยัดสัตว์ประหลาดตัวมหึมาลงไปเรื่องอย่างถูกต้องตามตรรกะจนได้

ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดสูงตั้งห้าวาบนเกาะน่ะหรือ มันคงเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ก็เป็นสัตว์เวทมนตร์ที่ใครมาสร้างทิ้งไว้ เมื่อพิจารณาจากแหล่งอาหารและสภาพบนเกาะ มันคงต้องกินอาหารอย่างนี้ๆ อายุยืนยาวประมาณนี้ มีชีวิตอยู่ตรงนี้ของห่วงโซ่อาหาร

เขาคำนวณจากความสูง และบอกเธอว่ามันควรหนักเท่าไร แค่ไหนจึงเรียกว่า “ตัวเล็ก” (เมื่อเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ) และแค่ไหนจึงเรียกว่า “ตัวใหญ่” เท้ามันต้องใหญ่เท่านี้ มีปุ่มเท้าแบบไหน ฟันยาวแค่ไหน มีฟันฉีกและฟันบดอย่างละกี่ซี่ และสุดท้ายหลังจากบอกทุกอย่างออกมาหมดแล้ว เขาก็ถึงขนาดบอกได้ว่ามันควรผสมพันธุ์ตอนไหน มีลูกครอกละประมาณกี่ตัว อยู่กันเป็นคู่ หรือเป็นครอบครัว และตัวที่ยังไม่ผสมพันธุ์จะอยู่แบบเดี่ยวๆ อย่างไร

เธอฟังจนอ้าปากค้าง และหลังจากนั้น…เธอก็อยากแกล้งเขาขึ้นมา

เธอไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไรในเรื่องของอาหญิงหรอกนะ แต่เธออดไม่ได้ เพราะรีกัลตลกมาก เธอจึงขว้างปาความพิสดารใส่เขาเป็นการใหญ่ ที่สนุกยิ่งกว่าคือเขารับได้ทุกลูก ไม่ว่าเธอผู้มีญาติประหลาดเป็นโขยงจะจินตนาการความประหลาดออกมาขนาดไหน รีกัลก็จะพิจารณามันอย่างรอบคอบ พลิกแง่มุมต่างๆ ไปมา ก่อนจะจัดวางมันลงบนความเป็นจริงอย่างสบายๆ สุดท้าย…ด้วยเหตุผลบางประการ…ก็เลยกลายเป็นเธอแต่งเรื่องเล่นกับรีกัล

“ท่านนี่สุดยอดไปเลย” สุดท้ายเธอก็หัวเราะออกมา “สนุกมากๆ สนุกจัง”

เธอยิ้มจนดวงตาโค้งขึ้น หน้าแดงด้วยความสนุกและดีใจ ชอบเรื่องนี้มากจนอยากวาดมันเป็นรูปเยอะแยะ แล้วก็ใส่สีให้เยอะแยะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่เธอเป็นอย่างนั้น รีกัลก็มองเธอนิ่ง…นานจนเธอเลิกคิ้วงงๆ เขาจึงเบือนหน้าไป

“มีอะไรหรือ” เธอยิ่งงง

“ไม่มีอะไร” เขาบอก “อืม…เจ้าก็สุดยอดเหมือนกัน ข้าแต่งเรื่องอย่างเจ้าไม่ได้ ต้องให้เจ้าเริ่มก่อน ข้าจึงจะรับต่อมา”

ถึงอย่างนั้นเรื่องก็สนุกอยู่ดี ทั้งมีมิติและชีวิตชีวา เธอชอบมันมากจริงๆ ชอบจนอยากเล่าให้ใครๆ ทุกคนฟัง

“ไม่รู้จะเอาไปเล่าให้อาหญิงฟังได้ไหม ข้าเผลอเปลี่ยนเรื่องของนางเสียแล้ว นางอาจจะไม่ชอบ” เธอพึมพำ

“เช่นนั้นก็ต้องดูมันให้นานกว่านี้ จนกว่ามันจะกลายเป็นเรื่องของเจ้า เป็นสิ่งที่มีแต่เจ้าจึงแต่งขึ้นได้” เขาบอก “ข้าคิดว่าถ้าเจ้าเป็นตัวของตัวเองในที่สุด นางจะภูมิใจที่เจ้ามีนางเป็นแรงบันดาลใจ ท่านพ่อมักดีใจเวลาที่ข้ามีอะไรเหมือนท่าน…ข้าไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่ก็เป็นอย่างนั้นเอง”

“อืม” เธอรับในคอ

แต่แล้วเธอก็ชะงักไป

มีชั่ววินาที…ชั่วกะพริบตา ที่จู่ๆ เธอก็รู้สึกคล้ายตนตกอยู่ในหมอกหนา มีสีสันเต็มไปหมด แต่กลับไม่เห็นสิ่งรอบกาย หมอกตกปกคลุมไปทั่ว กลายเป็นโลกแห่งหมอก ไม่มีรีกัล ไม่เหลืออะไร

เธอตกใจจนเร่งสะบัดหน้า แต่ครั้นกะพริบตาอีกครั้งหมอกก็หาย รีกัลคงเห็นเธอสะบัดหน้า เขาจึงถามว่าเป็นอะไร

“ท่านไม่เห็นหมอกหรือ” เธอถามงงๆ

“ไม่” เขาว่า “เจ้าง่วงแล้วกระมัง ง่วงก็นอนเถอะวาล ข้าจะอยู่เวรแรกเอง”

เขาส่งเสื้อตัวนอกของตนให้เธอใช้ต่างผ้าห่มนอน

2 thoughts on “A Little Journey : Telltale Island (2)

Leave a comment